หญิงชาวออสเตรเลียสุดช็อก
เมื่อรู้ว่าคุณตาที่เธอรักเป็นพ่อแท้ ๆ ของเธอเอง หลังได้รับจดหมายจากผู้เป็นแม่ เปิดเผยความจริงว่าคุณตาได้ข่มขืนแม่จนตั้งท้องและให้กำเนิดตัวเธอ
ทำเครียดจัดจนเป็นโรคอะนอเร็กเซีย
วันที่ 21 กันยายน 2558 เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยว่า โจดี้ คาฮิลล์ ชาวออสเตรเลีย วัย 38 ปี เปิดเผยกับสื่อว่า เธอเพิ่งรู้ความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ หลังได้อ่านจดหมายจากแม่แท้ ๆ ที่สารภาพว่า แท้จริงแล้วแม่และเธอนั้นมีพ่อคนเดียวกัน
นั่นหมายความว่า บุคคลที่โจดี้เห็นว่าเป็นคุณตามาตลอด แท้จริงแล้วคือพ่อผู้ให้กำเนิดเธอนั่นเอง โดยในจดหมายของแม่เขียนบรรยายไว้ดังนี้
"โจดี้ ลูกและแม่มีพ่อคนเดียวกัน เขาทุบตีและทำร้ายแม่ตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งคืนหนึ่ง แม่ถูกเขาข่มขืนและตั้งท้อง แม่ไม่มีวันลืมคืนนั้นได้เลย"
ข้อความในจดหมายฉบับนี้ทำให้โจดี้กระจ่างว่า เหตุใดแม่ของเธอจึงไม่สนใจไยดีและทิ้งให้โจดี้เติบโตกับคุณยาย แม่เกลียดโจดี้มากและมักจะทุบตีโจดี้อยู่บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่เกิดคลั่งหยิบปืนมายิงโจดี้ด้วย
โจ ดี้บอกว่า เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงรังเกียจเธอมากมายนัก คงเป็นเพราะทุกครั้งที่แม่มองเห็นเด็กน้อยคนนี้ แม่จะนึกถึงเรื่องราวร้าย ๆ ที่ผ่านมา รวมถึงแม่ยังป่วยเป็นโรคเครียดทางใจ หลังประสบเหตุสะเทือนใจที่สุดในชีวิต ทำให้แม่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ดีนัก
วันที่ 21 กันยายน 2558 เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยว่า โจดี้ คาฮิลล์ ชาวออสเตรเลีย วัย 38 ปี เปิดเผยกับสื่อว่า เธอเพิ่งรู้ความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ หลังได้อ่านจดหมายจากแม่แท้ ๆ ที่สารภาพว่า แท้จริงแล้วแม่และเธอนั้นมีพ่อคนเดียวกัน
นั่นหมายความว่า บุคคลที่โจดี้เห็นว่าเป็นคุณตามาตลอด แท้จริงแล้วคือพ่อผู้ให้กำเนิดเธอนั่นเอง โดยในจดหมายของแม่เขียนบรรยายไว้ดังนี้
"โจดี้ ลูกและแม่มีพ่อคนเดียวกัน เขาทุบตีและทำร้ายแม่ตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งคืนหนึ่ง แม่ถูกเขาข่มขืนและตั้งท้อง แม่ไม่มีวันลืมคืนนั้นได้เลย"
ข้อความในจดหมายฉบับนี้ทำให้โจดี้กระจ่างว่า เหตุใดแม่ของเธอจึงไม่สนใจไยดีและทิ้งให้โจดี้เติบโตกับคุณยาย แม่เกลียดโจดี้มากและมักจะทุบตีโจดี้อยู่บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่เกิดคลั่งหยิบปืนมายิงโจดี้ด้วย
โจ ดี้บอกว่า เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงรังเกียจเธอมากมายนัก คงเป็นเพราะทุกครั้งที่แม่มองเห็นเด็กน้อยคนนี้ แม่จะนึกถึงเรื่องราวร้าย ๆ ที่ผ่านมา รวมถึงแม่ยังป่วยเป็นโรคเครียดทางใจ หลังประสบเหตุสะเทือนใจที่สุดในชีวิต ทำให้แม่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ดีนัก
แม่ของโจดี้คงคาดหวังว่า
จดหมายไขข้อข้องใจฉบับนี้จะช่วยให้โจดี้เข้าใจทุกอย่างได้มากขึ้น แต่เปล่าเลย
โจดี้อยู่ในอาการช็อกและเครียดสุดขีดแทน
"ฉันรู้สึกช็อกและขยะแขยงสิ้นดี หลังจากที่ฉันได้อ่านจดหมาย คืนนั้นฉันตั้งใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ" โจดี้ กล่าว
ด้วยความเครียดขั้นขีดสุด โจดี้พาตัวเองสาละวนอยู่กับงาน หวังให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว แต่แล้วเธอก็ต้องประสบกับโรคอะนอเร็กเซีย (โรคผอมแห้งกลัวอ้วน) หลังเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยว่าโจดี้ผอมลงอย่างรวดเร็วเกินไป
"ฉันรู้สึกช็อกและขยะแขยงสิ้นดี หลังจากที่ฉันได้อ่านจดหมาย คืนนั้นฉันตั้งใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ" โจดี้ กล่าว
ด้วยความเครียดขั้นขีดสุด โจดี้พาตัวเองสาละวนอยู่กับงาน หวังให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว แต่แล้วเธอก็ต้องประสบกับโรคอะนอเร็กเซีย (โรคผอมแห้งกลัวอ้วน) หลังเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยว่าโจดี้ผอมลงอย่างรวดเร็วเกินไป
โจดี้บอกว่า เธอรู้สึกดีเวลาที่เธอไม่มีอะไรตกถึงท้อง
และมันทำให้เธอมีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อรู้ว่าตนกำลังท้องว่าง แต่สุดท้าย
โรคอะนอเร็กเซียก็พาเธอมาจบที่โรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 4 เดือน
และต้องถูกให้อาหารผ่านทางสายยาง
ตอนนี้ โจดี้หายป่วยและมีร่างกายแข็งแรงดีแล้ว และเธออยากแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นที่ กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางใจ เช่นเดียวกับที่เธอเคยประสบพบเจอมา
"ทั้ง หมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหมอขั้นเทพมาจากไหนก็ช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคุณไม่รู้สึกว่าอยากจะหายขาดจากโรคบ้า ๆ นี่ ขอแค่คุณจงเกลียดโรคอะนอเร็กเซียให้มาก เหมือนกับที่เคยเกลียดตัวเองก็พอ" โจดี้ กล่าว
ตอนนี้ โจดี้หายป่วยและมีร่างกายแข็งแรงดีแล้ว และเธออยากแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นที่ กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางใจ เช่นเดียวกับที่เธอเคยประสบพบเจอมา
"ทั้ง หมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหมอขั้นเทพมาจากไหนก็ช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคุณไม่รู้สึกว่าอยากจะหายขาดจากโรคบ้า ๆ นี่ ขอแค่คุณจงเกลียดโรคอะนอเร็กเซียให้มาก เหมือนกับที่เคยเกลียดตัวเองก็พอ" โจดี้ กล่าว
โจดี้ คาฮิลล์ และคุณยาย
โจดี้ คาฮิลล์ และคุณตา ซึ่งเป็นพ่อของเธอ
ภาพจาก
Jodi
Cahill
http://hilight.kapook.com/view/126755
No comments:
Post a Comment