Tuesday, November 29, 2016

เปิดชอตเด็ด ยีราฟโชว์เหนือหนีสิงโตนักล่า ระดมเท้าเหยียบรัว ๆ จนเจ้าป่าสิ้นท่า


          ผู้ชมสารดคีสัตว์สุดประหลาดใจ กับภาพเหตุการณ์ ยีราฟ ตัวหนึ่ง เอาตัวรอดจากการโจมตีของสิงโตอย่างง่ายดาย จากนั้นยังวิ่งไปเหยียบซ้ำก่อนหนีไป

          วันที่ 27 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์เดอะ ซัน เปิดเผยคลิปเหตุการณ์สิงโตกำลังไล่ล่ายีราฟในทะเลทราย อย่างไรก็ดียีราฟตัวนี้กลับป้องกันตัวได้รวมถึงวิ่งเหยียบสัตว์นักล่าลงไปนอนอย่างเสียเชิง



          คลิปดังกล่าว มาจากสารคดี แพลนเน็ต เอิร์ธ 2 ซึ่งออกอากาศทางช่อง บีบีซี วัน โดยตอนนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับทะเลทราย ซึ่งมีอยู่ฉากหนึ่งปรากฏให้เห็นสิงโตกำลังต้อนยีราฟให้จนมุม ก่อนจะสบโอกาสโจมตีเพื่อหวังกินเป็นอาหาร 



          อย่างไรก็ดี ระหว่างที่มันกระโดดขึ้นไปเพื่อกัดคอ ยีราฟตัวนี้กลับสะบัดสิงโตหลุดอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังวิ่งเหยียบไปที่ตัวของสิงโต ระดมเท้าตื้บรัว ๆ ซึ่งภาพดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม เพราะไม่เคยเห็นเจ้าป่าพลาดแบบหมดท่าเช่นนี้


          ทั้งนี้หลังจากสารคดี แพลนเน็ต เอิร์ธ 2 ออกอากาศไป ปรากฏว่ามันได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม แค่เพียงสัปดาห์เดียวก็มีคนดูในอังกฤษกว่า 9.4 ล้านคน ซึ่งมากกว่ารายการประกวดชื่อดังอย่าง เอ็กซ์ แฟคเตอร์ เสียอีก    



ภาพจาก
M@zzy $H@zzy สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

http://hilight.kapook.com/view/145774

 

Saturday, November 26, 2016

คิดได้ไงเนี่ย บาทหลวงแอฟริกาใต้ บำบัดคนป่วยด้วยวิธี.. พ่นยาฆ่าแมลงใส่หน้า !



          การรักษาสุดพิลึก บาทหลวงชาวแอฟริกาใต้ เยียวยาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ด้วยการฉีดสเปรย์ฆ่าแมลงใส่หน้า เผย เป็นบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า แถมอวดอ้างสรรพคุณรักษาได้ตั้งแต่โรคกระเพาะจนถึงโรคมะเร็ง 

          เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์ Oddity Central เผยแพร่เรื่องราวที่กำลังเป็นที่ฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อบาทหลวงรายหนึ่ง ผู้เป็นนักเทศน์ชื่อดัง มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก ได้เปิดสำนักเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แต่ไม่ได้รักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ทั่วไป แต่ใช้เสปรย์ยาฆ่าแมลงมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ซ้ำยังมีผู้คนเดินทางมาให้รักษากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน


           บาทหลวงเลธีโบ ราบาลาโก เป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงมากของสำนัก เมาท์ ไซออน เจเนอรัล แอสเซมบลี ที่ตั้งอยู่ในเมืองลิมโปโป ประเทศแอฟริกาใต้ ชื่อของท่านบาทหลวงได้กระฉ่อนไปทั่วประเทศ หลังจากที่ทางเฟซบุ๊กเพจของสำนักได้เผยแพร่ภาพการรักษาผู้ป่วยโดยการใช้สเปรย์กระป๋องสำหรับฆ่าแมลงฉีดพ่นตามใบหน้าและลำตัว มิหนำซ้ำยังมีการอ้างว่าวิธีดังกล่าวสามารถรักษาโรคได้อย่างชะงัด


         สเปรย์กำจัดแมลงที่ท่านบาทหลวงใช้คือยี่ห้อ ดูม รุ่น มัลติ ซึ่งเป็นยี่ห้อสารกำจัดแมลงชื่อดังที่ใช้กันทั่วไปในครัวเรือน ทางบริษัทผู้ผลิตได้ทำฉลากเตือนผู้บริโภคไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นสารอันตราย ห้ามสูดดมเนื่องจากสามารถทำให้เกิดการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียนได้ อีกทั้งยังห้ามให้เข้าตาอย่างเด็ดขาดอีกด้วย แต่ท่านบาทหลวงได้ปฏิบัติในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง 


          การใช้ "ดูม มัลติ สเปรย์" เป็นส่วนประกอบสำคัญในการรักษานั้นมีที่มาที่ไป ท่านบาทหลวงกล่าวว่า การรักษาของท่านนั้นมีขั้นตอน ท่านต้องเจาะเข้าไปในจิตวิญญานเหล่าผู้ป่วย เข้าไปเจรจากับปีศาจร้าย วิญญานอาฆาตหรืออะไรก็ตามที่สิงสู่อยู่ภายใน เป็นสาเหตุให้เจ็บไข้ได้ป่วย หลังจากนั้นท่านก็จะทำการปราบโดยการใช้สเปรย์ฆ่าแมลงฉีดพ่น เป็นขับไล่ปีศาจร้ายเหล่านั้นให้ออกไป เมื่อปีศาจจากไปแล้ว ผู้ป่วยที่ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม ตั้งแต่โรคกระเพาะยันโรคมะเร็ง หรือแม้แต่ติดเชื้อเอชไอวีก็จะหายเป็นปกติ กลับมาแข็งแรงดังเดิม


          วิธีการรักษาสุดแปลกนี้ ท่านบาทหลวงไม่ได้คิดค้นขึ้นมาเองหากแต่ได้รับคำสั่งมาจากพระผู้เป็นเจ้า และสิ่งที่กำจัดโรคภัยไข้เจ็บได้นั้น คือพลังของพระองค์ที่ส่งผ่านตัวท่านบาทหลวงออกมาทางเสปรย์นั่นเอง ท่านบาทหลวงยังกล่าวย้ำอีกว่า ขั้นตอนการขับไล่ปีศาจนั้นจริง ๆ แล้วสามารถใช้น้ำมัน น้ำหรืออย่างอื่นก็ได้ แต่พระเจ้าได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าให้ใช้สเปรย์ดูมเท่านั้น จึงได้ทำตามพระประสงค์

          อย่างไรก็ตาม ผู้คนมากมายไม่ได้ประทับใจกับการรักษาด้วยวิธีนี้ ท่านบาทหลวงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าใช้วิธีที่อันตรายในการรักษาผู้คน ก่อนหน้านี้ท่านบาทหลวงเคยรักษาผู้หญิงคนหนึ่งโดยการให้เธอนอนราบกับพื้น เอาลำโพงขนาดใหญ่วางบนตัวเธอ และปีนขึ้นไปบนนั้น โดยอ้างว่าเป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ได้หายจากโรค อวัยวะภายในของเธอบอบช้ำและมีเลือดออกจากการถูกกดทับ เธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา (อ่านข่าว : หญิงดับสลดสังเวยโชว์นักพยากรณ์ เอาลำโพงหนักทับอก บอกถ้ามีศรัทธาจะไม่เป็นไร)


          ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ท่านบาทหลวงก็ไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย โดยท่านประกาศว่าผู้คนที่วิจารณ์นั้นอยู่คนละระดับกับท่าน จึงไม่สามารถเข้าถึงพลังแห่งพระผู้เป็นเจ้าได้ดั่งที่ท่านสัมผัส และนอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่าไม่มีผู้ป่วยคนใดได้รับอันตรายจากสเปรย์ตัวนี้เลยสักคน แถมยังหายจากโรคร้ายเป็นปลิดทิ้งอีกด้วย



ภาพจาก  เฟซบุ๊ก Mountzion General Assembly OfficialMakro
http://hilight.kapook.com/view/145645

Friday, November 25, 2016

แพทย์ช็อก หญิงปวดท้องหนักจนถูกหามส่ง รพ. ก่อนผ่าเจอถุงพลาสติกอัดในท้อง



        หญิงอินเดียสภาพอิดโรย ถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะปวดท้องหนัก ทีมแพทย์เร่งทำการผ่าตัด แต่ต้องตะลึง พบพลาสติกม้วนใหญ่ ขดเป็นก้อนในท้อง ยาวกว่า 2 เมตร !

        ทีมศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลในรัฐหิมาจัลประเทศ ได้ทำการรักษาหญิงวัยกลางคนรายหนึ่ง ที่มีปัญหาในระบบทางเดินอาหารและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จากการรายงานของเว็บไซต์อ็อดดิซิตี้ เซ็นทรัล เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 ระบุว่า เมื่อได้ทำการผ่าตัดก็พบสาเหตุที่ทำให้หญิงรายนี้ป่วย ซึ่งสร้างความตกใจแก่ทีมแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะมันคือเศษถุงพลาสติกจำนวนมากที่ขดเป็นก้อนใหญ่ในท้อง

        หญิงผู้ป่วยดังกล่าวมีนามว่า ธารา เทวี วัย 52 ปี อาศัยอยู่ในเขตเซอร์มัวร์ มณฑลหิมาจัลประเทศ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ในวันเกิดเหตุธารามีอาการปวดท้องอย่างหนัก ชาวบ้านแถวนั้นได้ช่วยกันนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทำการรักษา

        หลังจากทำการวินิจฉัยในเบื้องต้น แพทย์ได้ตรวจพบว่ามีก้อนขนาดใหญ่อยู่ภายในท้องของธารา คาดว่าน่าจะเป็นก้อนของเส้นผม จึงได้รีบทำการผ่าตัดเพื่อนำมันออก แต่ทว่าเมื่อทำการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเข้าไปถึงกระเพาะของธารา ก็พบว่าก้อนขนาดใหญ่ที่ตรวจพบนั้นไม่ใช่เส้นผม แต่เป็นก้อนที่เกิดจากการจับตัวกันของเศษถุงพลาสติกจำนวนมาก ซึ่งเมื่อแพทย์นำมันออกมาแล้วนั้น สามารถวัดความยาวได้ประมาณ 7 ฟุตหรือราว 2 เมตร

        สำหรับธารา ตัวเธอนั้นหูไม่ได้ยิน พูดก็ไม่ได้ การสืบหาสาเหตุว่าทำไมเศษถุงพลาสติกถึงไปอยู่ในท้องของเธอจึงเป็นเรื่องยาก แต่ทั้งนี้ชาวบ้านที่ส่งตัวเธอมาโรงพยาบาล ได้กล่าวว่า ธารามีฐานะยากจนข้นแค้นมาก เธออาศัยอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีครอบครัวคอยดูแล ด้วยความอดอยากหิวโหย ธาราจึงเก็บเศษถุงพลาสติกมากินเพื่อประทังชีวิตและกินแบบนี้ติดต่อกันมาเป็นปี ๆ 

        จนกระทั่งเวลาผ่านไป ร่างกายของธาราทรุดโทรมลงมาก เธอไม่สามารถกินอะไรได้อีกต่อไป แขนขาของเธอเริ่มมีอาการบวม และตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธาราก็อาการแย่ลงจนทำได้แค่เพียงดื่มน้ำเท่านั้น 

        อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดนำเศษพลาสติกออกมาในครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ด้วยดีและอาการของธาราก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่าเธอน่าจะหายดีเป็นปกติได้ในเร็ววัน

ภาพจาก odditycentral.com 
http://hilight.kapook.com/view/145530

 

Tuesday, November 22, 2016

เฟี้ยวได้อีก !! ญี่ปุ่นปิ๊งไอเดีย สวนสนุกธีมออนเซ็น แช่น้ำบนเครื่องเล่นได้เลย



            ญี่ปุ่นปิ๊งไอเดีย สวนสนุกธีมออนเซ็น แช่น้ำบนเครื่องเล่น จะแสนสุขอะไรขนาดนั้น ส่วนชื่อโปรเจคท์ก็แค่ จับ สปา มาชนกับ สวนสนุก กลายเป็น "สวนสนุกสปา"

          ญี่ปุ่นนับเป็นหนึ่งในประเทศที่อุดมไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ขณะที่ชาวญี่ปุ่นก็นิยมเดินทางไปยังเมืองรีสอร์ทต่าง ๆ เพื่อแช่บ่อน้ำพุร้อน หรือ ออนเซ็น ดังนั้นในฐานะของหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังเรื่องออนเซ็น นายกเทศมนตรีแห่งเมืองเบบปุ จึงได้ปิ๊งไอเดียในโปรเจคท์ใหม่ "Spamusement Park Project" เตรียมหยิบสปาและสวนสนุกมามิกซ์รวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็น "สวนสนุกสปา"


         โดยเว็บไซต์ rocketnews24.com เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 ระบุว่า สวนสนุกสปา จะเป็นการนำเอาออนเซ็นมารวมเข้ากับสวนสนุก ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้เล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ไปพร้อมกับการแช่ออนเซ็น โดยจะมีบ่อสำหรับแช่น้ำให้บริการในทุกจุด ทั้งในส่วนของเครื่องเล่น รวมถึงเคเบิลคาร์ ทำให้เราสามารถสนุกสนานและผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน 

          นอกจากนี้เพื่อโปรโมทโปรเจคท์ดังกล่าว พวกเขายังได้นำนักแสดงกว่า 150 คน มานุ่งผ้าขนหนูออกไปแช่น้ำกันถึงสวนสนุกรากุเทนชิ ของเมืองเบบปุ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานดับเพลิงในการขนน้ำพุร้อนจากบ่อถึง 12 ตัน มาเติมให้เต็มทุกพื้นที่ของสวนสนุกแห่งนี้


            แม้ว่าโปรเจคท์สวนสนุกสปาจะยังเป็นเพียงไอเดีย แต่ก็ใช่ว่ามันไม่มีทางจะเกิดขึ้นจริง เมื่อ นายยาสุฮิโระ นากาโนะ นายกเทศมนตรีเมืองเบบปุ ได้ออกมาให้คำมั่นผ่านคลิปโปรโมทล่าสุด ว่าหากคลิปโปรโมทโปรเจคท์ดังกล่าวมีผู้เข้าชมถึง 1 ล้านวิว สวนสนุกที่เป็นเหมือนสรวงสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน !! 


                ทั้งนี้หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลาผ่านไปเพียงแค่ 2 วัน ก็มียอดผู้เข้าชมมากถึง 1.9 แสนวิวแล้ว 

http://hilight.kapook.com/view/145480


Sunday, November 20, 2016

น่าสงสาร...ตูบถูกเด็กใจร้าย จับแช่กาวจนเกือบตาย จนตอนนี้ได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง



        สุดสะเทือนใจ ลูกหมาตัวน้อย ๆ  ถูกกระทำอย่างป่าเถื่อน โดนจับแช่กาวเหนียวหนึบราวกับซีเมนต์ ทิ้งไว้จนเกือบตาย ตอนนี้รอดตาย มีคนช่วยเหลือแล้ว

        สุนัขตัวน้อยวัย ราว 4 เดือน แสนน่าสงสาร ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ถูกพบในสภาพขยับไม่ได้ ผิวหนังเกาะติดกันเป็นก้อนและใกล้จะสิ้นใจ แต่ปาฏิหารย์ยังมี โดยเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์เมโทร  รายงานว่า มีคนช่วยชีวิตหมาน้อยเอาไว้ได้และพ้นขีดอันตรายแล้ว 



           หมาน้อยผู้น่าสงสารตัวนี้มีชื่อว่า ปาสกาล มันถูกพบภายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เจ้าหมาถูกเด็กใจร้ายเล่นสนุก จับแช่กาวทั้งตัว จนติดหนึบขยับไปไหนไม่ได้ 



       ปาสกาลอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก หูข้างหนึ่งที่ติดกาวมีภาวะเนื้อตายเพราะขาดเลือด ผิวหนังถูกสารเคมีในกาวกัดทำลายจนเป็นแผลไปทั่ว สัตว์แพทย์ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะละลายกาวทั้งหมดออกไปได้ เท่านั้นยังไม่พอ ปาสกาลน้อยยังต้องทนทุกข์ทรมานกับเชื้อไวรัสปาร์โว ซึ่งทำให้ลำไส้อักเสบอีกด้วย 



        แต่โชคดีเป็นอย่างมาก หมาน้อยปาสกาลมีใจสู้อย่างยิ่ง ด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ปาสกาลฟื้นตัวไวมากและอาการดึขึ้นเรื่อย ๆ หมาน้อยแข็งแรงขึ้นจนแทบจำไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นมิตร เล่นกับลูกหมาตัวอื่น ๆ อีกด้วย 



         นูร์ ริมา โยลา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ He’Art of Rescue ที่ช่วยเหลือปาสกาลกล่าวว่า ถึงแม้ปปาสกาลจะถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายมาก แต่ขณะที่รับการรักษา หมาน้อยเชื่องมาก ยอมให้แพทย์รักษาโดยไม่ดื้อถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บและใช้เวลานานมากก็ตาม

          "ตอนที่พวกเราเจอเขา เขาย่ำแย่มากเหลือเกินค่ะ ทั้งหนาวสั่น เจ็บปวดทรมานและใกล้ตายแล้ว ตอนที่เอากาวออกมาได้หมดแล้ว เขาหวาดผวาอยู่วันหนึ่งเต็ม ๆ เจอหน้าใครไม่ได้ หนีอย่างเดียว แต่ก็ยอมให้รักษาแต่โดยง่าย และปาสกาลดูจะรัก ฮาซาน อาคิน (หนึ่งในหมอที่รักษา) มากเป็นพิเศษ พวกเขาสนิทกันมากเลยค่ะ" นูร์ ริมา กล่าว 


        นูร์ ริมา ยังกล่าวอีกว่าถึงจะใช้เวลานานและยุ่งยากมากในการรักษาปาสกาล แต่ทางมูลนิธิก็ทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อให้เขาหาย ทุกคนที่มูลนิธิห่วงใย เข้าใจความรู้สึกของหมาน้อยเป็นอย่างดี และพวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ปาสกาลกลับมาเป็นหมาที่แข็งแรงได้อีกครั้ง

        เมื่อเรื่องราวของปาสกาลถูกเผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างก็พาหลงรักหมาน้อยตัวนี้และพากันอวยพรให้เขามีชีวิตที่ดี ไม่ต้องเจอเรื่องร้ายในชีวิตอีกต่อไป 

ภาพจาก heartofrescuetr.org 
http://pet.kapook.com/view161040.html

Thursday, November 17, 2016

ฟาร์มตรรกะพึลึก จับหมูกระโดดน้ำสูง 3 เมตร บอกจะได้แข็งแรง แถมเนื้ออร่อยขึ้น




  ฟาร์มเลี้ยงหมูประเทศจีน จับหมูโยนลงน้ำจากสะพานสูง 3 เมตร เชื่อว่าจะทำให้มันแข็งแรง แถมได้เนื้อรสชาติดีขึ้น ขายได้ราคาสูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า

        เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยภาพพร้อมรายงานชวนสะเทือนใจคนรักสัตว์ จากฟาร์มเลี้ยงหมูแห่งหนึ่งในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน โดยที่ฟาร์มแห่งนี้จะจับหมูมาฝึกด้วยการจับโยนลงน้ำจากสะพานสูงกว่า 3 เมตรทุก ๆ วัน ซึ่งอ้างว่าจะช่วยให้หมูสมบูรณ์แข็งแรง แถมเนื้อของมันก็จะมีรสชาติดีขึ้นด้วย

  
           นายฮวง เต๋อหมิง เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูแห่งนี้เผยว่า การนำหมูที่ฟาร์มมาฝึกกระโดดน้ำนี้เป็นเป็นโปรแกรมการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับพวกมัน ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้กับมัน ส่งผลให้มันกินได้เยอะและโตไว ที่สำคัญเลยคือ จะช่วยให้เนื้อของมันมีรสชาติและผิวสัมผัสดีขึ้น ทำให้ขายได้ราคาสูงกว่าธรรมดาถึง 3 เท่า ซึ่งที่ฟาร์มใช้การฝึกหมูเช่นนี้มานานกว่า 4 ปีแล้ว

  
            หลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา ก็ถูกนำไปแชร์ต่อกันในโลกออนไลน์ของจีน และกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ชาวเน็ตรายหนึ่งบอกว่า "ฉันอยากกินมันแล้วล่ะ" ขณะที่อีกรายก็มาแซวขำ ๆ ว่า "ชีวิตมันยากนะทุกคน ขนาดหมูยังต้องเรียนรู้ที่จะดำน้ำเลย" ส่วนอีกรายแนะนำว่า "ทำไมไม่ลองนวดให้พวกมันดูบ้างล่ะ จะช่วยให้เนื้อนุ่มและฉ่ำมากขึ้น"... 



ภาพจาก xinwen.eastday.com
http://hilight.kapook.com/view/145178

Tuesday, November 15, 2016

ดีไซเนอร์สาวสุดเจ๋ง ใช้ฟันตัวเองทำเครื่องประดับแทนงาช้าง




         นักออกแบบสาวสุดครีเอท สร้างผลงานเครื่องประดับสุดแปลกจาก "ฟัน" ของเธอเอง สะท้อนให้มนุษย์เห็นถึงคุณค่าจากสิ่งที่ตัวเรามี

          เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์ odditycentral ได้หยิบเรื่องราวของนักออกแบบสาวชาวดัตช์ มานำเสนอพร้อมกับไอเดียผลงาน เครื่องประดับที่ทำจาก ฟัน” ของตัวเธอเอง

  
            ลูซี่ มายย์เยรุซ (Lucie Majerus) เป็นนักออกแบบผู้สร้างผลงานชุด "Egalitarian Jewelry" เครื่องประดับสุดบรรเจิดจาก ฟันกราม” โดยนำฟันกรามที่ถูกถอนออกมาแล้วมาทำเป็นแหวน และยังได้รวบรวมฟันจากคลินิกหมอฟันและคนรู้จักมาเก็บสะสมไว้ เมื่อได้จำนวนฟันครบตามที่ต้องการ ลูซี่จึงนำฟันเหล่านั้นไปเข้ากระบวนการขัดฟันและเปลี่ยนให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เพื่อนำไปทำเป็นชิ้นส่วนอื่น ๆ ของชุดเครื่องประดับ ทั้งต่างหู เข็มกลัด และกระดุมเสื้อ กลายเป็นเครื่องประดับที่ดูแปลกตาไม่ใช่น้อย

 
          และอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ นั่นก็คือ อัตราตัวเลขการล่าช้างเพื่อฆ่าเอางาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย  วิกฤติการณ์ดังกล่าว ได้ทำให้ลูซี่พยายามที่จะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านผลงานของเธอไปยังผู้คนให้ได้ตระหนักถึงสถานการณ์อันโหดร้ายนี้

  
              สำหรับเครื่องประดับจากฟันของนักออกแบบสาวชาวดัตช์ชุดนี้ เพิ่งจัดแสดงไป ณ งานเทศกาลงานออกแบบเนเธอร์แลนด์  (Dutch Design Week)  นับว่าประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด  เพราะ "Egalitarian Jewelry" หรือ "อัญมณีแห่งความเท่าเทียม" ไม่ได้เป็นแค่เพียงเครื่องประดับที่สวยงามหรือแปลกตาเพียงเท่านั้น แต่คือการสะท้อนให้มนุษย์เห็นถึงคุณค่าจากสิ่งที่ตัวเรามี แทนการไปคร่าหรือพรากเอามันมาจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน






ภาพจาก odditycentral, Matan Bellmakers
http://hilight.kapook.com/view/145102

Thursday, November 10, 2016

ชุลมุน ! สาว 19 อุ้มลูกน้อยบุกงานแต่งของสามี หลังถูกทิ้งไปแต่งงานกับสาวใหม่




         ชุลมุน สาว 19 อุ้มลูกน้อยบุกงานแต่งของสามี หลังถูกอีกฝ่ายทิ้งไปแต่งงานกับสาวใหม่ แถมไม่ให้ค่าเลี้ยงดูสักบาท

          วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานเหตุการณ์ชุลมุนย่อม ๆ ที่เกิดขึ้นภายในงานแต่งงานหมู่ 84 คู่ ในเมืองชิมโบที ประเทศเปรู เมื่ออยู่ ๆ สาววัย 19 รายหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขน อ้างว่าเด็กคนนี้เป็นลูกที่เกิดจากหนึ่งในเจ้าบ่าวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในครั้งนี้
โดยทันทีที่ เอเวอร์ ฟรานโก โรจัส เจ้าบ่าวรายนี้เดินควงคู่มาพร้อมกับว่าที่ภรรยาของเขา อยู่ ๆ เยลี เฟอร์นานเดส โลซาโน สาววัย 19 ปีก็อุ้มลูกน้อยบุกเข้ามาในงานพร้อมกับน้องสาวของเธอ หวังจะหยุดไม่ให้พ่อของลูกเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แต่ญาติของฝ่ายชายได้เข้ามากันตัวเธอออกไปได้ก่อน

          จากนั้นสาวรายนี้ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ผู้ชายคนนั้นไม่อยากรับรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้ เมื่อเขารู้ว่าเธอท้องก็หนีไปแต่งงานกับคนอื่น ขณะที่น้องสาวของแม่ลูกอ่อนรายนี้ให้ข้อมูลว่า ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นรู้ตัวเองดีว่ามีลูกชายวัย 2 เดือนแล้ว แต่เขาก็ไปแต่งงานกับคนอื่น และไม่ได้สนับสนุนค่าเลี้ยงดูลูกอีกด้วย


             ทั้งนี้หลังมีเหตุดังกล่าว เอเวอร์ ฟรานโก โรจัส ก็พาเจ้าสาวของเขาออกไปจากงานเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเด็กสาว ก่อนที่จะหวนกลับมาทำพิธีแต่งงานกันต่อไปโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ อีก 


http://hilight.kapook.com/view/144886