สยอง แพทย์พบถุงน้ำพยาธิตืดหมูในสมองเด็กวัย 12 ยึดพื้นที่กว่าครึ่ง !!

          อุทาหรณ์คนชอบทานของดิบ แพทย์พบถุงพยาธิตืดหมูขนาด ใหญ่เบ้อเริ่มในศีรษะเด็กหญิงชาวอินเดียวัย 12 ปี กินพื้นที่สมองไปเกินครึ่ง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 450 กรัม แพทย์ชี้มีสิทธิ์ระเบิดแตกและคร่าชีวิตได้ตลอดเวลา 

         เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานว่า นิตา จักกี เด็กหญิงชาวอินเดีย ป่วยมีอาการชัก ปวดศีรษะและอ่อนเพลียมาเป็นเวลามากกว่า 2 ปี จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาอาการของเธอเริ่มรุนแรงขึ้น ร่างกายซีกขวาของเธอกลายเป็นอัมพาต เป็นเหตุให้อวัยวะซีกขวาไม่สามารถใช้งานได้ ด้านคุณพ่อของเด็กหญิงนิตาพยายามพาลูกสาวไปรักษากับแพทย์หลายแห่งด้วยกัน แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จนกระทั่งเมื่อ 2 เดือนก่อน ได้มีโอกาสไปพบกับศัลยแพทย์ระบบประสาทและกระดูกสันหลัง ที่โรงพยาบาลในรัฐคุชราต ภาคกลางของอินเดีย จึงพาตัวลูกสาวไปตรวจอาการอย่างละเอียด

  

              หลังจากแพทย์ทำการตรวจเช็กและสแกนสมองก็มีอันต้องช็อก เมื่อพบว่า เด็กหญิงนิตามีเป็นโรคพยาธิตืดหมูในระบบประสาท (Neurocysticercosis) ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ยาก เกิดจากที่ตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูเข้าไปฝังตัวในเนื้อเยื่อและมีถุงน้ำเกิด ขึ้น พยาธิตัวอ่อนนั้นก็จะเติบโตขึ้นภายในถุงน้ำนั้นและทำให้ถุงมันใหญ่ขึ้น เรื่อย ๆ จากผลการเอกซเรย์พบว่า ถุงน้ำพยาธิตืดหมูที่พบในกะโหลกศีรษะของเด็กหญิงมีขนาดใหญ่มากเทียบเท่ากับ ขนาดของผลแตงโม น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 450 กรัม กินพื้นที่สมองไปมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว

  

             ด้านศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็น ว่า ถุงน้ำพยาธิตัวตืดนี้เติบโตขึ้นมาช้า ๆ ตลอดระยะเวลา 8-10 ปีที่ผ่านมา และคาดว่ามันจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะมันมีโอกาสที่จะระเบิดแตกออกและคร่าชีวิตเธอได้ตลอดเวลา 

         สำหรับโรคพยาธิตืดหมูในระบบประสาทนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักพบในสัตว์กินพืช อาทิ แกะ วัวและกระบือ และภายหลังมีพบบ้างในสัตว์กินเนื้ออย่างสุนัขและแมว ทั้งนี้สามารถมีโอกาสเกิดขึ้นในมนุษย์ได้เช่นกัน อันเกิดจากการทานอาหารสกปรกสุก ๆ ดิบ ๆ ที่มีพยาธิปะปนอยู่ โดยเคสของเด็กหญิงนิตานั้น คาดว่าพยาธิเข้าไปเติบโตอยู่เป็นเวลานานจึงเกิดการสร้างเป็นถุงน้ำขึ้นมา เช่นนี้  

         โดยหลังจากทีมศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดให้เด็กหญิงนิตาเป็นเวลา 2 ชัวโมงครึ่ง ก็สามารถนำถุงน้ำพยาธิดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ ภายหลังผ่าตัดดำเนินไปด้วยดี และเธอได้นอนพักรักษาตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก็เริ่มหายกลับสู่ภาวะปกติ

ภาพจาก lifestyle.richensblogs.com, Centers for Disease Control and Prevention

http://hilight.kapook.com/view/142174