เปิดเรื่องชวนซึ้งของ
เกรเทล สุนัขดูแลผู้พิการจากประเทศญี่ปุ่น ที่ป่วยใกล้ตาย เจ้าของจึงได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาษาสุนัขมาช่วยถ่ายทอดความในใจ
ของมัน จนกลายเป็นเรื่องราวสุดซึ้งจนน้ำตาไหล
แม้ใครหลายคนจะกล่าวว่าสุนัขเป็นเหมือนมิตรแท้ของมนุษย์ แต่สำหรับใครบางคนแล้วสุนัขอาจเป็นยิ่งกว่านั้น ดังเช่น นายโนงูจิ ชายผู้พิการจากประเทศญี่ปุ่นรายนี้ ที่รักและผูกพันกับ เกรเทล สุนัขของเขา เสมือนคนในครอบครัว หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างกันตลอด 24 ชั่วโมงมาเนิ่นนานหลายปี จนกระทั่งถึงวันที่ต้องแยกจากกัน...
โดยวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์ tw.ptt01.cc ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดซึ้งแห่งมิตรภาพระหว่างคนกับสุนัข ที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นและผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าวถึงกับน้ำตาไหลด้วย ความสะเทือนใจและซาบซึ้งไปกับความมุ่งมั่นของเจ้าเกรเทล ที่จะขอปกป้องเจ้านายของมันจนวันสุดท้าย แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยแล้วก็ตาม
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2538 เกรเทล สุนัขวัย 2 ปีที่ผ่านการฝึกมาแล้ว ได้กลายมาเป็นสุนัขดูแลผู้พิการตัวแรกของญี่ปุ่น โดยมีคู่หูที่มันจะต้องดูแลก็คือ
นายโนงูจิ ชายผู้ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบตั้งแต่เด็ก นับตั้งแต่นายโนงูจิได้พบกับเกรเทล
ชีวิตของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ
จากที่ต้องอาศัยพึ่งพาคนอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันแทบทุกเรื่อง เมื่อได้เกรเทลมาช่วยดูแลก็ทำให้นายโนงูจิสามารถช่วยเหลือตัวเองในเรื่อง
เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ความอึดอัดคับใจที่สั่งสมในใจของเขามานานก็เริ่มลดลงทีละน้อย
เขาเริ่มมองโลกในด้านบวก เห็นสิ่งที่ดีในชีวิต และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสนุกสนานร่วมไปกับสุนัขแสนรัก
แต่เมื่อมีพบก็ย่อมมีจาก เมื่อเวลาก้าวผ่านไปนานถึง 15 ปีเต็ม เกรเทลที่มีอายุมากถึง 17 ปี (เทียบได้กับอายุ 100 ปีของมนุษย์) ก็ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองถึง 3 ครั้งด้วยความชราของมัน จนกระทั่งในครั้งสุดท้าย สุนัขแสนรักของนายโนงูจิก็อยู่ในสภาพที่เลวร้ายจนไม่สามารถขยับตัวได้ ขณะที่สัตวแพทย์ก็บอกกับเขาว่า เกรเทลมีโอกาสจากโลกนี้ไปในทุกเวลา
เกรเทล กำลังจะตายจากแล้ว ด้วยเหตุนี้นายโนงูจิจึงได้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาษา
ของสุนัข หวังให้ช่วยถ่ายทอดข้อความสุดท้ายที่มันต้องการบอกเขาก่อนตาย เพื่อให้เขาสามารถเข้าใกล้เพื่อนแท้ได้อีกสักนิดก่อนจะลาจาก
ซึ่งข้อความที่เขาได้รับฟังจากล่ามนั้นก็ทำให้เขาถึงกับน้ำตาไหล เมื่อความปรารถนาสุดท้ายของเกรเทล
ก็คือการได้ปกป้องเจ้านายของมันตลอดไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายทอดภาษาสุนัขเผยว่า เกรเทล ยังคงเฝ้าระวังคนแปลกหน้าทุกคนที่เข้ามาใกล้เจ้านายของมัน แม้ร่างกายจะขยับแทบไม่ไหว แต่จมูกของมันยังไวต่อการรับกลิ่นสัมผัส สิ่งเดียวที่มันทำได้ก็คือการเห่าดัง ๆ เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเจ้านายของมัน นอกจากนี้มันยังต้องการส่งเสียงไปบอกเพื่อนสุนัขช่วยเหลือผู้พิการตัวอื่น ๆ เพื่อฝากฝังให้ทำหน้าที่แทนมันอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายทอดภาษาสุนัขเผยว่า เกรเทล ยังคงเฝ้าระวังคนแปลกหน้าทุกคนที่เข้ามาใกล้เจ้านายของมัน แม้ร่างกายจะขยับแทบไม่ไหว แต่จมูกของมันยังไวต่อการรับกลิ่นสัมผัส สิ่งเดียวที่มันทำได้ก็คือการเห่าดัง ๆ เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเจ้านายของมัน นอกจากนี้มันยังต้องการส่งเสียงไปบอกเพื่อนสุนัขช่วยเหลือผู้พิการตัวอื่น ๆ เพื่อฝากฝังให้ทำหน้าที่แทนมันอีกด้วย
"นอกจากเกรเทลจะเป็นสุนัขแล้ว
มันยังเป็นครอบครัว และตัวแทนของผม" นายโนงูจิ กล่าว
ทั้งนี้เกรเทลได้ตายจากไปอย่างสงบในเดือนมิถุนายน 2552 แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของมันก็ยังสร้างความซึ้งให้แก่ชาวญี่ปุ่นและผู้คน ในต่างแดน ทั้งยังถูกนำมาถ่ายทอดต่อจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้เกรเทลได้ตายจากไปอย่างสงบในเดือนมิถุนายน 2552 แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของมันก็ยังสร้างความซึ้งให้แก่ชาวญี่ปุ่นและผู้คน ในต่างแดน ทั้งยังถูกนำมาถ่ายทอดต่อจนถึงปัจจุบัน
ภาพจาก
wuwulang0405
No comments:
Post a Comment