Wednesday, August 12, 2020

ชาละวันชรา วัย 50 ปี หนักครึ่งตัน ทรมานจนตาย แค่โดนเชื่อเป็นจระเข้ปีศาจ

ภาพจาก Instagram infopublic.id

        จระเข้ยักษ์ อายุ 50 ปี หนักครึ่งตัน ถูกชาวบ้านทำร้าย ติดบ่วงตายอย่างทรมาน ที่อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่จะไปช่วย แต่ชาวบ้านไม่ยอม เพราะเชื่อเป็นจระเข้ปีศาจ

        เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์กอมปาส รายงานว่า โลกออนไลน์ของอินโดนีเซีย แห่แชร์คลิปวิดีโอ จระเข้ขนาดยักษ์ที่อยู่บนรถตัก ซึ่งกำลังแล่นไปตามถนน โดยจระเข้ดังกล่าวแก่ชราแล้ว และต้องมาตายจากไปอย่างน่าเศร้า ด้วยน้ำมือของมนุษย์ เพราะแค่ความเชื่อว่ามันเป็นปีศาจร้าย

        เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านกายูเบซี บนเกาะบังกา นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย

ภาพจาก Instagram infopublic.id

        เซปติยาน การอ หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์และทรัพยากรธรรมชาติหมู่เกาะบังกาเบอลีตุง เปิดเผยว่า จระเข้ตัวนี้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากถูกชาวบ้านทำร้ายหลายครั้ง กระทั่งมาติดบ่วงกับดักของชาวบ้านในวันที่ 3 สิงหาคม

        หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ ก็ได้ติดต่อไปยังผู้ใหญ่บ้านทันที เพื่อขอเคลื่อนย้ายจระเข้ออกจากพื้นที่ แต่ชาวบ้านไม่ยอม เนื่องจากเชื่อว่าเป็นจระเข้ร้าย ก่อเหตุอาละวาดมาหลายครั้ง และถ้าหากปล่อยไป จะเกิดมหันตภัยร้ายแรงขึ้น

ภาพจาก Instagram infopublic.id

        ข้อมูลจากเว็บไซต์เมอร์เดกา ระบุว่า เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมกับชาวบ้านอยู่ 2 วัน เพื่อขอย้ายจระเข้ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งวันที่ 5 สิงหาคม จระเข้ก็ตายลงด้วยความทรมาน อิดโรย และบาดแผลถูกไม้แหลมทิ่มแทง

        ต่อมา ทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบว่า จระเข้ดังกล่าวเป็น จระเข้น้ำเค็ม อายุประมาณ 50 ปี ลำตัวยาว 4.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม ตรวจดูกราม พบว่า ฟันหลุดร่วงหมดปากแล้ว ไม่มีฟันเหลืออยู่สักซี่

        เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันยกซากจระเข้ใส่รถตักดิน เพื่อเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งคลิปขนจระเข้ กลายเป็นคลิปไปไวรัลที่แชร์ไปทั่วโซเชียลมีเดีย


        ทั้งนี้ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์และทรัพยากรธรรมชาติหมู่เกาะบังกาเบอลีตุง กล่าวว่า ทางหน่วยงานทราบดีว่าชาวบ้านมีปัญหากับจระเข้บ่อยครั้ง แต่อยากให้ชาวบ้านทำความเข้าใจกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของจระเข้ด้วย

        หากมีเหตุการณ์จระเข้ติดกับอีก ขอให้แจ้งมายังหน่วยงานโดยตรงเพื่อแก้ปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้มีจระเข้ต้องมาตายอย่างน่าเศร้าเช่นนี้อีก

ขอบคุณข้อมูลจาก Kompas , Merdeka

Wednesday, July 8, 2020

อะมีบากินสมอง ภัยเงียบจากแหล่งน้ำ ฟลอริดาเตือนผู้คนระวัง หลังเจอคนติดเชื้อแล้ว


          อะมีบากินสมองโผล่อีก ฟลอริดาเตือนผู้คนระวังอันตราย เลี่ยงไม่ให้จมูกสัมผัสน้ำ หลังเจอคนติดเชื้อแล้ว ชี้เป็นเคสที่พบได้ยาก 9 ปี พบติดเชื้อแค่ 34 รายในหสรัฐฯ

          วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ Insider รายงานว่า กรมอนามัยฟลอริดา ได้ออกประกาศเตือนผู้คนในพื้นที่ให้เลี่ยงการปล่อยให้จมูกสัมผัสกับน้ำประปาหรือน้ำจากแหล่งอื่น หลังพบมีผู้ติดเชื้ออะมีบากินสมอง ซึ่งหาพบได้ยาก ในเขตฮิลส์โบโรห์ เคานตี อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ รวมถึงแหล่งที่ได้รับเชื้อดังกล่าว

           คำเตือนดังกล่าวได้รับการประกาศในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยทางกรมอนามัยฟลอริดาย้ำเตือนผู้คน ไม่ควรลงไปว่ายน้ำหรือดำน้ำในทะเลสาบน้ำจืด แม่น้ำ และบ่อน้ำ ในช่วงเวลานี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังแนะนำให้ใช้คลิปหนีบจมูก หากจำเป็นต้องลงไปในแหล่งน้ำที่จืดที่มีอุณหภูมิอบอุ่น ในช่วงซัมเมอร์

           สำหรับ เชื้ออะมีบาชนิดนีเกลอเรีย (Naegleria fowleri) ซึ่งเป็นเชื้ออะมีบากินสมองนี้ มักอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดที่มีอุณหภูมิอุ่น ๆ และทำให้คนติดเชื้อได้เมื่อน้ำที่ปนเปื้อนไหลเข้าสู่จมูก โดยเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายก็จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อที่สมอง สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้ภายใน 1 สัปดาห์

           อย่างไรก็ตาม เชื้อจะส่งผลกระทบต่อร่างกายต่อเมื่อน้ำที่ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูกเท่านั้น การดื่มกินน้ำที่ปนเปื้อนไม่ทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบ ขณะที่ผู้ติดเชื้อไม่สามารถแพร่เชื้อดังกล่าวสู่บุคคลอื่นได้

           อนึ่ง การที่พบผู้ติดเชื้ออะมีบาชนิดนีเกลอเรีย นับว่าหาได้ยากยิ่งในสหรัฐฯ โดยระหว่างปี 2552-2561 มีรายงานเคสผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพียง 34 รายเท่านั้น โดยมี 30 รายได้รับเชื้อจากแหล่งน้ำ อีก 3 คนติดเชื้อจากการใช้น้ำประปาที่ปนเปื้อนมาล้างจมูก และอีก 1 คนได้รับเชื้อจากการเล่นสไลด์น้ำในสวน

            อาการที่พบได้ในผู้ติดเชื้อ เช่น ปวดศีรษะ เป็นไข้ คลื่นไส้ วิงเวียน อาเจียน คอแข็งเกร็ง ชัก เสียสมดุล หรือประสาทหลอน ส่วนอัตราเสียชีวิตมีสูงถึง 97% โดยพบว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อ 145 คน มีผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก Insiderbbc.com

https://hilight.kapook.com/view/204118

Tuesday, June 2, 2020

มึนตึ้บ ช้างล้มปริศนา 110 ตัว ในบอตสวานา อธิบายไม่ได้เกิดจากอะไร ยันไม่ใช่การล่า

เครดิตภาพ   https://www.pinterest.com/pin/193936327688089300/
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

        มึนตึ้บ ช้างล้มปริศนา 110 ตัว ในบอตสวานา ยังหาสาเหตุหรือคำอธิบายไม่ได้ ว่าเกิดจากอะไร ชี้ไม่ได้เกิดการการล่าหรือถูกพิษ แถมการตรวจซากยังทำได้ยาก ในช่วงถูกจำกัดการเดินทางเพราะโควิด-19

        วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านสัตว์ป่าในประเทศบอตสวานา ยังคงมึนหนักในเหตุการณ์ช้างล้มตายจำนวนมากอย่างที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ตัดปมการล่าและการถูกพิษออกจากข้อสันนิษฐาน ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ช้างจำนวน 110 เชือกล้ม ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

        ในขณะที่บอตสวานาเป็นประเทศที่มีประชากรช้างมากที่สุดในโลก ซึ่งคาดว่ามีจำนวนถึง 135,000 เชือก แต่ตอนนี้ทางการยังคงปวดหันในการสาเหตุที่ทำให้มีช้างล้มจำนวนมาก โดยเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เจ้าหน้าที่พบว่ามีช้างล้มถึง 54 เชือก ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก

        การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังเพิ่งพบซากช้าง 12 เชือกก่อนหน้านี้ อีกทั้งในเดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่ก็ได้พบซากช้างอีก 44 เชือก

        ด้านผู้อำนวยการหน่วยงานสัตว์ป่าประจำภูมิภาคดังกล่าว ของรัฐบาลบอตสวานา เผยว่า ในบรรดาซากช้างที่เพิ่งพบนั้น มีถึง 90% เป็นซากเก่าที่ไม่เคยถูกค้นพบก่อนหน้านี้ แต่ก็มีช้างบางเชือกที่เพิ่งล้มเช่นกัน

        จากการตรวจสอบซากช้างทั้งหมด ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีการล่าช้างเกิดขึ้น นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบหาโรคแอนแทรกซ์ก็ยังแสดงผลเป็นลบ หรือไม่พบเชื้อในซากช้าง โดยเจ้าหน้าที่มองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่ช้างเหล่านี้จะถูกพิษหรือติดโรค มิเช่นนั้นสัตว์อื่น ๆ ที่มากัดกินซากช้างคงจะตายไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ได้รับรายงานเคสสัตว์อื่น ๆ ที่ตายเลย

        ทั้งนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ยังพยายามสืบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป แต่กลับต้องพบอุปสรรคสำคัญในการทำงาน นั่นคือข้อจำกัดด้านการเดินทางในช่วงที่ประเทศพยายามรับมือกับการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งทำให้การส่งตัวอย่างไปตรวจนั่นทำได้อย่างล่าช้า

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่เมล

Wednesday, April 22, 2020

ฮันนี่ ตายแล้ว หลังถูกทิ้งในอควาเรียมร้าง จนได้ฉายา โลมาที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก

ภาพจาก Dolphin Project

         ฮันนี่ โลมาถูกทิ้งในอควาเรียมร้างที่ญี่ปุ่น จนได้ฉายา โลมาที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ตายลงแล้วอย่างน่าเศร้า หลังทรมานอยู่ลำพังมานาน 2 ปี


         วันที่ 21 เมษายน 2563 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยรายงานสุดเศร้า ฮันนี่ (Honey) โลมาถูกทิ้งในอควาเรียมร้างที่ญี่ปุ่น ที่ตกเป็นข่าวดังเมื่อเดือนมกราคม 2560 จนได้ฉายาว่า โลมาที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ตายลงแล้วอย่างโดดเดี่ยว หลังทรมานอยู่ลำพังมานาน 2 ปี

          ตามรายงานระบุว่า อควาเรียมมารีนปาร์ค ในเมืองโชชิ ทางตะวันออกของกรุงโตเกียว ประสบปัญหามีนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2554 และตามมาด้วยวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ จนต้องปิดทำการไปในที่สุด เมื่อปี 2560 ทว่าหลังจากนั้น เจ้าฮันนี่ รวมทั้งแพนกวิน 46 ตัว ปลานับร้อย และสัตว์เลื้อยคลาน อีกจำนวนหนึ่ง กลับถูกทิ้งให้อยู่ตามมีตามเกิด ภายในอควาเรียมร้างแห่งนี้ มีเพียงอดีตพนักงานที่คอยแวะเวียนไปให้อาหารบ้าง


ภาพจาก Dolphin Project

          สำหรับ ฮันนี่ เป็นสายพันธุ์โลมาปากขวด (Bottlenose Dolphin) มาอยู่ที่อควาเรียมแห่งนี้ ตั้งแต่ปี 2548 กระทั่งอควาเรียมปิดไป มันก็ต้องอยู่ตามลำพัง เมื่อเดือนมกราคม ปี 2560 ภาพและคลิปวิดีโอของเจ้าฮันนี่ว่ายน้ำอยู่ลำพังในบ่อขนาดใหญ่ กลายเป็นภาพที่สะเทือนใจคนมากมายไปทั่วโลก และล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางโครงการการกุศล Dolphin Project ได้ประกาศข่าวเศร้า เจ้าฮันนี่จากไปแล้ว

ภาพจาก Dolphin Project

          โดยทางเว็บไซต์ของโครงการระบุว่า ทางพวกเขาได้ทำเต็มที่อย่างที่สุดแล้ว ในความพยายามที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเจ้าฮันนี่และสัตว์อื่น ๆ ที่ถูกทิ้งภายในอควาเรียมร้างแห่งนี้ แต่ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ เนื่องจากอควาเรียมแห่งนั้นรวมทั้งเจ้าฮันนี่ถูกขายไป ซึ่งพวกเขาก็ได้ติดต่อไปยังเจ้าของใหม่ เพื่อให้เจ้าฮันนี่ได้ปลดประจำการและพักผ่อนอย่างสบาย สุดท้ายการเจรจาก็ไม่ประสบความสำเร็จ และเจ้าฮันนี่ก็จบชีวิตลงในเดือนเดียวกันนั้น


https://hilight.kapook.com/view/201663


Saturday, April 11, 2020

NASA เปิดให้ชมภาพตื่นตา กล้องฮับเบิลถ่ายอะไรได้ในวันเกิดคุณ ฉบับอัปเดตใหม่

ภาพจาก NASA

NASA เปิดให้ชมภาพตื่นตา จากกล้องฮับเบิลที่ถ่ายได้ในวันเกิดของคุณ ฉบับอัปเดตใหม่ ใช้งานได้แล้ว จะเป็นภาพสวยงามแค่ไหนไปชม

 สงสัยกันไหมว่า ในวันที่เป็นวันเกิดของคุณ มีอะไรเกิดขึ้นในจักรวาลนอกโลกที่ห่างไกลออกไป วันนี้เราได้มีโอกาสพิเศษนั้นแล้ว เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ที่กล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble) ถูกปล่อยออกไป ทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA จึงได้เปิดให้ผู้คนได้เข้าชมภาพความสวยงามจากกล้องฮับเบิล ที่ถ่ายได้ในวันคล้ายคล้ายวันเกิดของทุกคน

ภาพจาก NASA

โดยกล้องฮับเบิล ถูกปล่อยออกไปเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2533 ตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษ กล้องฮับเบิลได้ทำงานบันทึกภาพถ่ายตลอด 24 ชั่วโมง ในทุก ๆ วัน นั่นหมายความว่า มันได้สังเกตเห็นความมหัศจรรย์ของจักรวาลที่น่าทึ่งตลอดทั้งวันและในทุกวัน รวมทั้งในวันคล้ายวันเกิดของคุณด้วย


ดังนั้น หากอยากจะเห็นว่าในวันคล้ายวันเกิดของคุณ กล้องฮับเบิล สามารถบันทึกภาพอะไรที่งดงามได้บ้าง ลองไปชมกันเลย ที่หน้าเว็บไซต์ NASA โดยการกรอกข้อมูล เป็นเดือน และวันเกิดของคุณ หรือจะเป็นวันอื่น ๆ ที่อยากรู้ก็ได้ เพียงเท่านี้ ภาพชวนอัศจรรย์ปรากฏขึ้นมา

โดยก่อนหน้านี้ทาง NASA ได้เปิดตัวระบบออกมาเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดปัญหาทางเทคนิค และได้ปิดให้บริการไปชั่วคราว ซึ่งล่าสุดได้อัปเดตกลับมาใช้งานได้แล้ว... ได้ภาพสวย ๆ แล้วเอามาแชร์กันนะคะ

ตัวอย่างภาพจากกล้องกล้องฮับเบิล ในวันที่งดงามน่าทึ่ง


เนบิวลาหัวม้า (Horsehead Nebula) วันที่ 7 พฤศจิกายน 2012

ภาพจาก NASA

เนบิวลาไข่ (Egg Nebula) วันที่ 27 กันยายน 2002
ภาพจาก NASA

กาแล็กซี เมซีเย 83 (Messier 83 หรือ M83) วันที่ 20 สิงหาคม 2009
ภาพจาก NASA

ดาวเนปจูน (Neptune) วันที่ 25 มิถุนายน 2011
ภาพจาก NASA

https://hilight.kapook.com/view/201374

Tuesday, February 18, 2020

ช็อก ! คนดอดนำงูมาทิ้งขยะ จับยัดเต็มปลอกหมอน 16 ตัว ในจุดเดิมที่เพิ่งพบงูถูกทิ้ง

ภาพจาก RSPCA

ช็อก ! งูถูกยัดใส่ปลอกหมอน อัดรวมกัน 16 ตัว ถูกทิ้งใส่ถังขยะ นอกสถานีดับเพลิงในอังกฤษ ชี้ไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งเจองูถูกทิ้งในจุดเดียวกัน

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ราชสมาคมป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ (RSPCA) ซึ่งเป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหราชอาณาจักร ได้ออกมาเปิดเผยข่าวชวนช็อก หลังจากที่เพิ่งจะมีคนพบงูจำนวน 16 ตัว ที่ถูกยัดใส่ปลอกหมอน นำมาทิ้งไว้ภายในถังขยะนอกสถานีดับเพลิงฟาร์ริงตัน เมืองซันเดอร์แลนด์ โดยก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน ก็เพิ่งจะมีคนพบงูหลาม 13 ตัว ถูกแอบนำมาทิ้งไว้ในจุดเดียวกันนี้

รายงานเผยว่า งูจำนวน 16 ตัวที่พบล่าสุดเมื่อวันเสาร์ (15 กุมภาพันธ์) ประกอบด้วยงูคอร์น 15 ตัว และงูหลามคาเพดอีก 1 ตัว โดยหลังจากเจ้าหน้าที่จาก RSPCA ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ก็ได้รีบพางูเหล่านี้ไปพบสัตวแพทย์ ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าสภาพร่างกายของพวกมันยังโอเคดี แม้จะอยู่ในสภาพที่ต้องแออัดกันภายในปลอกหมอน

ด้าน เฮดิ คลีเวอร์ เจ้าหน้าที่จาก RSPCA ยอมรับว่า เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนพบงูถูกนำมาทิ้งอีก ในจุดเดียวกับที่มีคนนำงูหลาม 13 ตัวมาทิ้งในไม่กี่วันก่อน และน่าเศร้าที่งูหลามตัวหนึ่งได้ตายไปแล้ว ตอนมีคนมาพบเข้า


ภาพจาก RSPCA

ทั้งนี้ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อังกฤษต้องรับมือกับพายุเดนนิสที่พัดถล่มจนทำให้เกิดกระแสลมแรงและฝนตกกระหน่ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งเฮดิชี้ว่า พวกงูนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความร้อนและแสงสว่างในการเอาชีวิตรอด การที่พวกมันถูกนำมาจับยัดไว้รวมกันเช่นนี้ อาจทำให้พวกมันเกิดความเครียดอย่างมาก แถมพวกมันก็ยังไม่สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายไว้ได้ การต้องอยู่ท่ามกลางอากาศเย็นโดยมีเพียงปลอกหมอนห่อหุ้ม อาจทำให้ภูมิคุ้มกันของมันอ่อนแอลง

         โดยจากนี้ทาง RSPCA จะทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบ ว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังการนำงูมาทิ้งเช่นนี้


https://hilight.kapook.com/view/200261